ตรวจสุขภาพ
ปัจจุบันสังคมไทยได้มีการเปลี่ยนแปลงจากสังคมเกษตรกรรมไปสู่สังคมอุตสาหกรรม การใช้ชีวิตของคนเปลี่ยนไปทั้งในแง่การใช้แรงงานทำงานมาใช้สมองนั่งโต๊ะทำงาน การใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบทำให้เกิดความเครียด ขาดการออกกำลังกาย ขาดการรับประทานอาหารที่มีคุณภาพ ขาดความสนใจต่อสุขภาพตัวทำให้เกิดโรคต่างๆซึ่งเกิดจากการไม่ดูแลตัวเองให้ดีเช่น โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคหลอดเลือดสมอง ความดันโลหิตสูง โรคมะเร็งซึ่งโรคเหล่านี้สามารถป้องกัน หรือลดอุบัติการณ์ได้โดยการที่เราใส่ใจดูแลตัวเอง เพียงใช้เวลาวันละประมาณ 1 ชั่วโมงก็สามารถทำให้สุขภาพดีขึ้น
คนไทยทุกวันนี้รักสุขภาพมากขึ้นจะเห็นได้จากกระแสการใช้สมุนไพร การนวด spa ชาเขียว อาหารเสริมต่างๆ การตรวจสุขภาพต่างๆ ทั้งที่อาจจะไม่มีรายงานว่าได้ผลจริงทำให้เกิดการสูญเสียทางเศรษฐกิจและเสียงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อน
ในความหมายของคนทั่วไปการตรวจสุขภาพคือไปพบแพทย์และตรวจตามโปรแกรมตามที่แพทย์หรือโรงพยาบาลเสนอ ในความเป็นจริงการตรวจสุขภาพตนเองควรจะเริ่มต้นโดยตัวเองสำรวจสุขภาพตนเองได้แก่
คำแนะนำให้ทำเป็นประจำ
- ความตระหนักเกี่ยวกับความปลอดภัยในการขับขี่รถ เนื่องจากพบว่าการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเป็นสาเหตุการตายอันดับต้นๆ
- การใช้สารเสพติด การสูบบุหรี่
- การบริโภคอาหารสุขภาพ
- การออกกำลังกาย
- การพักผ่อน
- การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย
- ปัจจัยเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง
- ปัจจัยเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน
- ปัจจัยเสี่ยงต่อภาวะหลอดเลือดแข็ง
- ปัจจัยเสียงต่อการเกิดโรคไต
- คุณอ้วนไปหรือไม่ ดัชนีมวลกายเป็นเท่าไร
- การดูแลช่องปาก
- การจัดการเกี่ยวกับความเครียด
การพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพ
แม้ว่าคุณจะดูแลสุขภาพของคุณอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม ยังมีความจำเป็นสำหรับคนบางประเภทที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคสูง สมควรที่จะได้พบกับแพทย์เพื่อตรวจร่างกายและเจาะเลือด สภานพยาบาลหลายแห่งจึงจัดรายการตรวจสุขภาพ ทั้งการตรวจหาโรคหัวใจ การตรวจหาโรคมะเร็งซึ่งการตรวจบางอย่างเกินความจำเป็น
ควรจะตรวจสุขภาพตั้งแต่อายุเท่าใด
ในความเป็นจริงเราเริ่มต้นตรวจสุขภาพตั้งแต่แรกเกิดเลย จะเห็นได้ว่าหลังจากคลอดคุณหมอจะนัดพาเด็กไปตรวจสุขภาพชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง วัดรอบศีรษะและฉีดวัคซีนป้องกันโรค แต่สำหรับผู้ใหญ่ที่แข็งแรง ไม่มีโรคทางกรรมพันธุ์ในครอบครัวก็อาจจะจะเริ่มต้นตรวจเมื่ออายุ 35 ปี แต่หากคุณเป็นคนอ้วน มีประวัติเบาหวานในครอบครัว ประวัติโรคหลอดเลือดหัวใจของญาติสายตรง ไขมันสูงในครอบครัวหรือเจ็บป่วยบ่อยก็อาจจะเริ่มต้นตรวจที่อายุน้อยกว่านี้บางประเทศ เช่นในอเมริกาแนะนำให้ตรวจไขมันในเลือดตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป ส่วนเรื่องความถี่ก็ขึ้นกับสิ่งที่ตรวจพบหากพบว่ามีโรคหรือเสี่ยงต่อการเกิดโรคก็อาจจะต้องตรวจถี่ หากไม่เสี่ยงก็อาจจะตรวจทุก 3-5 ปี
จะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
หากต้องการเจาะเลือดควรจะงดอาหารไปอย่างน้อย 8 ชั่วโมงหากต้องการตรวจไขมันในเลือดควรจะงดอาหาร 12 ชั่วโมง หากไม่ได้ตรวจไขมันหรือน้ำตาลก็ไม่จำเป็นต้องอดอาหาร หลังจากเจาะเลือดก็ไปรับประทานอาหาร สิ่งที่สำคัญคือคุณต้องทำตัวเหมือนปกติก่อนตรวจไม่ควรที่จะควบคุมตัวเองเป็นพิเศษเพื่อที่จะให้ผลตรวจออกมาดี ไม่ควรกังวลหรือดื่มสุรก่อนการตรวจ การอดอาหารหมายถึงอาหารทุกอย่างทั้งน้ำชา กาแฟ นมดื่มได้เฉพาะน้ำเท่านั้น ไม่ควรจะออกกำลังกายก่อนการเจาะเลือดเพราะมีผลต่อการตรวจเลือด
แพทย์เขาจะตรวจอะไรบ้าง
การตรวจร่างกายโดยทั่วไปจะเริ่มต้นซักประวัติ
- สุขภาพโดยทั่วไป
- ประวัติโรคในครอบครัวเพื่อค้นหาโรคทางพันธุกรรม
- ประวัติการเจ็บป่วยในอดีต
- ประวัติการใช้ยา
- การตรวจร่างกาย วัดความดันโลหิต ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง คำนวณดัชนีมวลกาย ตรวจร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า สำหรับผู้หญิงก็แนะนำเรื่องการตรวจเต้านมด้วยตัวเอง และการตรวจภาย
การเจาะเลือดเขาตรวจดูอะไรบ้าง
โดยปกติก็จะมีการตรวจเลือด CBC,LFT,Lipid,Creatinin,Urine analysis,X-ray แต่หากคุณต้องการตรวจอย่างอื่นให้ปรึกษาแพทย์ ตารางที่แสดงข้างล่างจะแสดงชื่อโรค วิธีการตรวจ และข้อบ่งชี้ในการตรวจ
โรคที่อยากรู้ |
รายการตรวจ |
ข้อบ่งชี้ในการตรวจ |
การวัดความดันโลหิต |
ความดันโลหิต |
18-35ปีให้วัดทุก 2 ปี มากกว่า35ปีให้วัดทุกปี |
การวัดสายตา |
วัดสายตา |
ผู้ที่อายุมากกว่า 40ปีให้ตรวจทุกปี |
การตรวจเต้านม มะเร็งเต้านม |
การตรวจเต้านมโดยแพทย์ |
20-40ปีให้ตรวจทุก 3 ปี มากกว่า 40ปี ให้ตรวจทุกปี |
การตรวจรังสีเต้านม |
ควรทำในผู้ที่อายุมากกว่า 40 ปี ญาติสายตรงที่เป็นมะเร็งเต้านม หรือมะเร็งรังไข่ |
|
การตรวจทางทวารหนัก มะเร็งลำไส้ใหญ่ |
การใช้นิ้วล้วงก้น |
ผู้ที่อายุมากกว่า 35 ปีให้ตรวจทุก 3 ปี |
ภาวะโลหิตจาง |
ตรวจสุขภาพทุกครั้ง |
|
การตรวจแยกฮีโมโกลบิน |
Hemoglobin typing |
ก่อนการแต่งงาน |
การตรวจปัสสาวะ |
ตรวจสุขภาพทุกครั้งทุกวัย |
|
ตรวจพยาธิ |
ทุกวัยให้ตรวจทุก 3-5 ปี |
|
โรคเบาหวาน |
||
ไขมันในเลือด |
ผู้ที่เสี่ยงต่อไขมันในเลือดสูง ผู้ที่มีอายุมากกว่า 35 ปี(20ปี สำหรับอเมริกา) |
|
การทำงานของตับ |
||
ไต |
||
หัวใจ |
ตรวจหาระดับน้ำตาล ระดับน้ำตาลในเลือด ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ X-ray ปอดและหัวใจ การตรวจโดยการวิ่งสายพาน Cardiac enzyme |
ควรจะทำใน กลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ |
โรคเก๊าท์ |
||
การตรวจความหนาแน่นกระดูก |
Bone density |
ผู้ที่มีน้ำหนักตัวน้อย มีญาติสายตรงเป็นโรคกระดูกพรุน ได้รับยาที่อาจจะเป็นโรคกระดูกพรุน เช่น steroid |
ต่อมลูกหมาก |
||
การตรวจภายใน |
ควรจะตรวจทุก 1 ปี |
|
ต่อมไทรอยด์ |
ควรจะตรวจในรายที่เคยผ่าตัดธัยรอยด์ หรือได้รับไอโอดีนกัมมันตรังสี |
|
โรคเอดส์ |
เจาะสำหรับกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรค |
|
การตรวจอัลตราซาวนด์ตับ |
Ultrasound |
ผู้ที่เป็นโรคตับอักเสบบี ผู้ที่เป็นโรคตับ |
การตรวจความดันตา โรคต้อหิน |
การตรวจตาสำหรับประชาชน |
ตรวจทุก 1 ปี สำหรับผู้ที่มีโรคเสี่ยง เช่น ต้อหิน สายตาสั้นมาก เบาหวาน เริ่มตรวจเมื่ออายุมากกว่า40 ปี |
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับตรวจสุขภาพ
การตรวจสุขภาพของประชาชนโดยทั่วไปหมายถึงการเจาะเลือดเมื่อทราบผลว่าไม่เป็นโรคก็สบายใจ แต่ในความเป็นจริงหากเขาอยู่ในความเสี่ยงของการเกิดโรคเขาจะต้องป้องกันเพื่อมิให้โรคนั้นเป็นกับตัวเขา ดังตัวอย่าง คนที่มีพ่อหรือแม่เป็นเบาหวาน ดังนั้นเขาจะมีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคเบาหวานเมื่อผลเลือดบอกไม่เป็นเบาหวานแทนที่เขาจะปรับฟฤติกรรมเพื่อป้องกันเบาหวาน แต่เขาก็ยังใช้ชีวิตแบบสบายๆ ไม่คุมน้ำหนักไม่ออกกำลังกาย หากดำรงชีวิตแบบเก่าสักวันหนึ่งเขาก็จะเป็นเบาหวาน
หรือคนที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเอดส์เมื่อผลเลือดปกติก็ควรที่จะลดความเสี่ยงของการติดเชื้อแต่เขาก็ยังมีพฤติกรรมเสี่ยงอยู่ หรือคนที่ดื่มสุราเจาะเลือดเพื่อตรวจดูว่าเป็นโรคตับหรือยังเมื่อผลเลือดปกติ เขาก็ยังดื่มสุราอยู่ การตรวจสุขภาพดังกล่าวไม่น่าจะมีผลดีต่อผู้ป่วย