หนองใน

Written by Super User on . Posted in health


โรคหนองใน เป็น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่พบได้บ่อยที่สุด มีระยะฟักตัวสั้น และแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว วันนี้กระปุกดอทคอม จึงมีข้อมูลเกี่ยวกับ โรคหนองใน มาฝากกันค่ะ
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่สำคัญ ได้แก่
โรคหนองใน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

โรคหนองในแท้ หรือ โกโนเรีย (Gonorrhoea) เกิดจากการติดเชื้อ Neisseria gonorrhoeae ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่มีรูปร่างค่อนข้างกลม อยู่กันเป็นคู่หันด้านเว้าเข้าหากัน ดูคล้ายเมล็ดกาแฟหรือเมล็ดถั่ว ย้อมสีแกรมติดสีแดง เชื้อนี้จะทำให้เกิดโรคเฉพาะเยื่อเมือก Mucous Membrance เช่น เยื่อเมือกในท่อปัสสาวะ ช่องคลอด ปากมดลูก เยื่อบุมดลูก ท่อรังไข่ ทวารหนัก เยื่อบุตา คอ เป็นต้น โดยเชื้อนี้มีระยะฟักตัวเร็ว คือประมาณ 1-10 วัน

ส่วน โรคหนองใน อีกประเภท คือ โรคหนองในเทียม (Non Gonococcal Urethritis) หรือ NSU เป็นการอักเสบของท่อปัสสาวะที่เกิดจากเชื้อโรคอื่น ๆ ที่ไม่ใช่หนองในแท้ 

การติดต่อ โรคหนองใน

โรคหนองใน ไม่ว่าจะ โรคหนองในแท้ หรือ โรคหนองในเทียม สามารถติดต่อกันจากการมีเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะทางปาก ช่องคลอด หรือทางทวารหนัก รวมทั้งหากมีการร่วมเพศทางปาก ก็อาจทำให้ติดโรคที่ลำคอได้

นอกจากนี้ โรคหนองในเทียม ยังเกิดขึ้นได้จากสาเหตุอื่น ๆ เช่น การติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะ , การอักเสบของต่อมลูกหมาก, ท่อปัสสาวะตีบ, การอักเสบของหนังหุ้มอวัยวะเพศ หรือการใส่สายสวนปัสสาวะ

ส่วนการจับมือ หรือนั่งฝาส้วมเดียวกัน ไม่สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อ หนองใน ได้เนื่องจากเชื้อโรคชนิดนี้ เมื่อออกจากร่างกายคนแล้วจะตายค่อนข้างง่าย ดังนั้นโอกาสที่จะติดต่อกันทางอื่น นอกจากทางเพศสัมพันธ์เป็นไปได้ยากกว่า

อาการของผู้ป่วย โรคหนองใน

ผู้ชาย : ในผู้ชายที่เป็น หนองใน จะมีอาการปัสสาวะขัดอย่างรุนแรง และมีหนองสีเหลืองข้น ไหลออกมาจากท่อปัสสาวะ มักเกิดอาการหลังรับเชื้อไปแล้ว 2-5 วัน ถ้าไม่รักษาอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ลุกลามไปยังต่อมลูกหมาก ทำให้ต่อมลูกหมากอักเสบ อัณฑะอักเสบ ฯลฯ ซึ่งทำให้เป็นหมันได้

 ผู้หญิง :  ในผู้หญิงที่เป็น หนองใน ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการ จนกระทั่ง 10 วันไปแล้ว จะมีอาการตกขาว มีกลิ่นเหม็น ปัสสาวะแสบขัด เพราะเกิดการอักเสบที่ท่อปัสสาวะ และปากมดลูก ถ้าไม่รีบรักษาเชื้อโรคจะลุกลาม ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ต่อมบาร์โธลินอักเสบ เป็นฝีบวมโต การอักเสบในอุ้งเชิงกราน ปีกมดลูกอักเสบ การอุดตันของท่อรังไข่ ซึ่งทำให้เป็นหมันหรือตั้งครรภ์นอกมดลูกได้ นอกจากนี้ หากหญิงมีครรภ์เป็น โรคหนองใน เวลาคลอดอาจทำให้เด็กทารกติดเชื้อเกิดอาการตาอักเสบได้ และหากรักษาไม่ทัน จะทำให้เด็กตาบอดได้

ส่วนอาการของ หนองในเทียม จะคล้ายกับอาการผู้ป่วย หนองในแท้ แต่มีความรุนแรงน้อยกว่า และระยะฟักตัวของ โรคหนองในเทียม จะนานกว่า โรคหนองใน

โรคหนองใน โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

การวินิจฉัย โรคหนองใน

การวินิจฉัยว่าเป็น โรคหนองใน หรือไม่นั้น แพทย์จะนำหนอง หรือปัสสาวะ มาตรวจ PCR จากนั้นจะนำมาย้อมหาเชื้อ และนำไปเพาะเชื้อ เพื่อตรวจสอบ ทั้งนี้แพทย์จะนำการตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โรคอื่น ๆ ร่วมด้วย

ส่วนการวินิจฉัย โรคหนองในเทียม จะต้องอาศัยการตรวจพิเศษทางห้องปฏิบัติการมาร่วมด้วย

การรักษา โรคหนองใน

ผู้ที่เป็น โรคหนองใน มักจะเป็น โรคหนองในเทียม ด้วย ดังนั้นจึงต้องรักษาอาการไปพร้อม ๆ กัน โดยการใช้ยาปฏิชีวนะกลุ่ม Cephalosporin และ Quinolone อาจเป็นชนิดรับประทานหรือชนิดยาฉีด ยาที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ได้แก่ Cefixime, Ceftriaxone, Ciprofloxacin, Ofloxacin, Levofloxacin เป็นต้น

ทั้งนี้ การรักษา หนองใน จะได้ผลหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผู้ป่วย ที่จะต้องรับประทานยาให้ครบตามแพทย์สั่ง และปฏิบัติตน รวมทั้งตรวจซ้ำตามแพทย์แนะนำ และหากใครเป็น โรคหนองใน ควรพาคู่สามี และภรรยา ไปตรวจรักษาด้วย

โรคแทรกซ้อนที่สำคัญ
ในผู้ชาย อาจเกิดอาการแทรกซ้อนต่าง ๆ คือ

-          การอักเสบของอัณฑะ Epididymitis ซึ่งหากไม่รักษาอาจจะทำให้เป็นหมัน 

-          ข้ออักเสบ Reiter's syndrome (arthritis) 

-          เยื่อบุตาอักเสบ Conjunctivitis 

-          ผื่นที่ผิวหนัง Skin lesions 

-          หนองไหล Discharge

ส่วนผู้หญิง อาจมีอาการดังต่อไปนี้ 

-          อุ้งเชิงกรานอักเสบPelvic Inflammatory Disease (PID)อาจจะทำให้เกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูก

-          ปวดท้องน้อยเรื้อรัง Recurrent PID อาจจะทำให้เป็นหมัน

-          ท่อปัสสาวะอักเสบ Urethritis

-          ช่องคลอดอักเสบ Vaginitis 

-          แท้ง Spontaneous abortion (miscarriage)

การป้องกัน โรคหนองใน 

การป้องกัน โรคหนองใน ที่ดีที่สุด คือ ควรงดการมีเพศสัมพันธ์ หากมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่แน่ใจว่า มีเชื้อหรือไม่ ให้สวมถุงยางอนามัย เพื่อป้องกันตัวเอง นอกจากนี้ ควรมีสามีหรือภรรยาเพียงคนเดียว หรือลดปัจจัยเสี่ยงในการติดต่อ โรคหนองใน และ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อื่นๆ